เบล็สบล็อก

image-slide

รีไฟแนนซ์บ้านทำอย่างไร เข้าใจง่ายใน 5 นาที

image-slide

รีไฟแนนซ์บ้านทำอย่างไร เข้าใจง่ายใน 5 นาที

image-slide

รีไฟแนนซ์บ้านทำอย่างไร เข้าใจง่ายใน 5 นาที

Blog

>

TIPS

>

รีไฟแนนซ์...วิธีลดดอกเบี้ยสินเชื่อบ้าน

รีไฟแนนซ์...วิธีลดดอกเบี้ยสินเชื่อบ้าน

รีไฟแนนซ์บ้าน (Refinance) คืออะไร

การรีไฟแนนซ์บ้าน (Refinance) คือ การขอยื่นกู้สินเชื่อบ้านกับธนาคารแห่งใหม่ เพื่อลดภาระเงินกู้จากธนาคารเดิมที่มีอยู่ ซึ่งเป็นการโอนยอดหนี้และหลักประกันจากอีกธนาคารนำไปชำระหนี้ที่เรามีอยู่กับธนาคารเดิม เพื่อให้ได้รับอัตราดอกเบี้ยบ้านลดลงกว่าอัตราดอกเบี้ยที่จ่ายอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งจะช่วยให้ยอดผ่อนชำระต่อเดือนน้อยลงและผ่อนบ้านหมดเร็วยิ่งขึ้น

 

* ข้อควรรู้ เราสามารถรีไฟแนนซ์บ้านได้ เมื่อสัญญาที่ยื่นขอสินเชื่อกับธนาคารแห่งแรกหมดอายุสัญญาลง ซึ่งส่วนใหญ่จะกำหนดให้สัญญามีอายุ 3 ปี แต่ในกรณีที่ผู้กู้ต้องการขอรีไฟแนนซ์บ้านก่อนหมดอายุสัญญาก็อาจสามารถทำได้เช่นกัน แต่ต้องเสียค่าธรรมเนียมตามที่ธนาคารกำหนด ตามที่ระบุไว้ในสัญญา

 

ข้อดีของการรีไฟแนนซ์

  • ได้รับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ใหม่ที่ถูกกว่าเดิม
  • บางกรณีอาจได้วงเงินกู้มากขึ้นกว่ายอดคงค้างเดิม
  • ลดภาระหนี้ ทำให้จำนวนเงินที่ต้องผ่อนชำระต่อเดือนน้อยลง และภาระหนี้หมดเร็วยิ่งขึ้น
  • ได้เงินส่วนต่างจากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง ทำให้มีเงินเหลือใช้จ่ายส่วนอื่น ๆ ที่จำเป็นได้มากขึ้น 

 

ข้อเสียของการรีไฟแนนซ์

  • ทำให้ระยะเวลาผ่อนชำระนานมากขึ้น
  • เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการรีไฟเเนนซ์ เช่น ค่าจัดรีไฟแนนซ์ใหม่ ค่าใช้จ่ายจิปาถะในการดำเนินการ ค่าเสียเวลา และอาจเสียค่าปรับหากมีการไถ่ถอนก่อนกำหนด

 

ขั้นตอนการรีไฟแนนซ์ มีอะไรบ้าง

    1. ตรวจสอบสัญญากู้เดิม

 

ติดต่อขอเอกสารสรุปยอดหนี้ทั้งหมดจากธนาคารเก่า เพื่อสรุปรายละเอียดจำนวนเงินกู้ ระยะเวลาที่ชำระแล้วและระยะเวลาคงเหลือที่ค้างชำระ เป็นต้น เพื่อนำเอกสารต่างๆ ไปยื่นขอรีไฟเเนนซ์กับธนาคารใหม่ที่เลือกไว้

 

    2. เลือกธนาคารใหม่ที่ใช่

 

การรีไฟแนนซ์กับธนาคารใหม่ที่เหมาะสม จะทำให้เราได้ดอกเบี้ยในอัตราที่ต่ำลง โดยสามารถพิจารณาธนาคารใหม่ ได้จากการหาข้อมูลและเปรียบเทียบข้อเสนอในเรื่องของอัตราดอกเบี้ยและระยะเวลาการชำระหนี้ ได้จากหลายๆ ธนาคาร เพื่อนำมาประกอบการตัดสินใจ ซึ่งแต่ละธนาคารจะมีข้อเสนอและโปรโมชันที่แตกต่างกัน โดยอัตราดอกเบี้ยต่ำสุดจะอยู่ที่ประมาณ 2.39% - 2.89%

 

  1. เตรียมเอกสารให้พร้อม

เพื่อให้การรีไฟแนนซ์สะดวกและรวดเร็ว ควรจัดเตียมเอกสารให้พร้อมเพื่อความรวดเร็ว โดยเอกสารที่ต้องเตรียมเพื่อใช้ในการทำสัญญา แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้

 

  1. เอกสารส่วนตัว
  • สำเนาทะเบียนบัตรประชาชน
  • สำเนาทะเบียน
  • ใบเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล
  • ทะเบียนสมรส (กรณีกู้ร่วม)

 

  1. เอกสารแสดงหลักฐานทางการเงิน 

(สำหรับผู้ที่เป็นพนักงานบริษัท)

  • สลิปเงินเดือน
  • หนังสือรับรองเงินเดือนไม่เกิน 3 เดือน
  • รายการเดินบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน

(สำหรับเจ้าของกิจการส่วนตัว)

  • เอกสารทะเบียนการค้า ทะเบียนบริษัท
  • หลักฐานการเสียภาษีเงินได้จากกรมสรรพากร

 

  1. เอกสารหลักประกันการรีไฟแนนซ์บ้าน
  • สำเนาเอกสารแสดงกรรมสิทธิ์หลักประกัน (เช่น โฉนดที่ดิน หรือ หนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุด อช.2)
  • สำเนาหนังสือสัญญาการซื้อขายหรือให้ที่ดิน ทด.13 หรือ 14 หรือสัญญาซื้อขายห้องชุด
  • สำเนาสัญญากู้จากธนาคารเก่า
  • สำเนาสัญญาจำนองที่ดิน หรือ สำเนาสัญญาจำนองห้องชุด
  • สำเนาใบเสร็จแสดงธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับบ้านหรือสำเนาใบเสร็จผ่อนชำระค่างวดบ้าน
  • แผนที่ตั้งหลักประกันโดยสังเขป

 

4. ยื่นขอสินเชื่อสำหรับการรีไฟแนนซ์

เมื่อเตรียมเอกสารเรียบร้อยแล้ว ผู้ขอสินเชื่อสามารถนำเอกสารเข้าไปขอรีไฟแนนซ์กับทางธนาคารใหม่ได้ โดยเมื่อธนาคารรับเรื่องแล้ว จะใช้ระยะเวลาพิจารณาเอกสารประมาณ 2-3 สัปดาห์ และจะส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปประเมินราคาหลักประกันเพื่อประกอบการอนุมัติ และเมื่อได้รับการอนุมัติเรียบร้อยแล้ว ทางธนาคารใหม่จะติดต่อกับธนาคารเดิมเพื่อสอบถามหนี้คงเหลือและนัดวันไถ่ถอนต่อไป

 

5. ทำสัญญาใหม่

เมื่อธนาคารแห่งใหม่อนุมัติสินเชื้อแล้ว ผู้ขอสินเชื่อจะต้องดำเนินการนัดวันทำสัญญาใหม่ พร้อมกับจดจำนองที่ดิน โดยต้องนัดหมายกับนายธนาคารใหม่ และนายธนาคารเก่าภายในวันเดียวกัน ณ สำนักงานที่ดินเขตที่ตั้งของทรัพย์สิน เพื่อทำการโอนกรรมสิทธิ์และมอบโฉนดที่ดินให้กับนายธนาคารใหม่ เพียงเท่านี้ การรีไฟแนนซ์บ้านของก็เป็นอันเรียบร้อย

 

ค่าใช้จ่ายในการรีไฟแนนซ์

เมื่อธนาคารแห่งใหม่อนุมัติสินเชื่อเรียบร้อยแล้ว ลำดับต่อไปผู้ขอสินเชื่อจะต้องเตรียมค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ ซึ่งส่วนใหญ่ค่าใช้จ่ายในการรีไฟแนนซ์จะน้อยกว่าการซื้อบ้านหลังใหม่ โดยมีค่าใช้จ่ายดังนี้

 

  • ค่าประเมินราคาบ้าน ประมาณ 2,000-3,000 บาท ขึ้นอยู่กับธนาคารและพื้นที่ให้บริการ
  • ค่าจดจำนอง คิดจาก 1% ของวงเงินกู้ ชำระให้กับทางกรมที่ดิน
  • ค่าอากรแสตมป์ คิดจาก 0.05% ของวงเงินกู้ ชำระให้กับทางกรมสรรมพากร
  • ค่าประกันภัยอัคคีภัย ประมาณหลักพันบาทต่อปี
  • ค่าประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อบ้าน หรือ MRTA (ขึ้นอยู่กับความสมัครใจ)
  • ค่าธรรมเนียมอื่นๆ

 

ในการพิจารณาว่ารีไฟแนนซ์แต่ละครั้งจะคุ้มค่าหรือไม่ ควรพิจารณาจากส่วนต่างที่ได้รับจากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง โดยเปรียบเทียบได้จากค่างวดที่ต้องผ่อนชำระระหว่างธนาคารเดิมและธนาคารใหม่ รวมถึงค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการรีไฟแนนซ์และจุดคุ้มทุนของการรีไฟแนนซ์ ดังนั้น หากต้องการรีไฟแนนซ์ควรมองหาธนาคารใหม่ที่เรียกเก็บค่าใช้จ่ายรีไฟแนนซ์ต่ำ เพื่อให้ได้รับประโยชน์จากการรีไฟแนนซ์คุ้มค่าที่สุด ถ้าพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ แล้วคุ้มค่า ก็ลุยเลยค่ะ

บทความทั้งหมด

TIPS

3

หัวข้อ

รีไฟแนนซ์...วิธีลดดอกเบี้ยสินเชื่อบ้าน

How to ซื้อบ้าน ฉบับ Freelance

อาชีพฟรีแลนซ์เป็นอาชีพอิสระที่หลายคนใฝ่ฝัน เนื่องจากเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการหารายได้ ที่ได้เป็นเจ้านายตัวเอง และสร้างรายได้ได้อย่างไม่จำกัด...

เรื่องต้องรู้ . . ก่อนตัดสินใจกู้ร่วม

ก่อนจะกู้ร่วม ต้องทำอย่างไร เตรียมอะไรบ้าง เรามีคำตอบ!

รีไฟแนนซ์...วิธีลดดอกเบี้ยสินเชื่อบ้าน

รีไฟแนนซ์บ้านทำอย่างไร เข้าใจง่ายใน 5 นาที

How to ซื้อบ้าน ฉบับ Freelance

อาชีพฟรีแลนซ์เป็นอาชีพอิสระที่หลายคนใฝ่ฝัน เนื่องจากเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการหารายได้ ที่ได้เป็นเจ้านายตัวเอง และสร้างรายได้ได้อย่างไม่จำกัด...

เรื่องต้องรู้ . . ก่อนตัดสินใจกู้ร่วม

ก่อนจะกู้ร่วม ต้องทำอย่างไร เตรียมอะไรบ้าง เรามีคำตอบ!

รีไฟแนนซ์...วิธีลดดอกเบี้ยสินเชื่อบ้าน

รีไฟแนนซ์บ้านทำอย่างไร เข้าใจง่ายใน 5 นาที

ในการใช้บริการเว็บไซต์ของ เบล็ส แอสเสท กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) บริษัทอาจมีความจำเป็นต้องประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ซึ่งท่านสามารถศึกษา นโยบายข้อมูลส่วนบุคคลการติดต่อ ได้ที่นี่ และบริษัท อาจจำเป็นต้องใช้คุกกี้ในการให้บริการผ่านเว็บไซต์ ซึ่งท่านสามารถกำหนดการตั้งค่าได้